ช่วงนี้ฝุ่น pm 2.5 กลับมาเยอะอีกแล้ว ทำให้ตอนเช้าๆ ออกไปวิ่งแทนที่จะได้สุขภาพดีเดี๋ยวจะกลายเป็นป่วยซะก่อน วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ ใช้ลู่วิ่งไฟฟ้า วิ่งในบ้านเปิดแอร์ เปิดเครื่องกรองอากาศ ที่นี้ปัญหาก็คือลู่วิ่งไฟฟ้าที่ขายๆ ส่วนใหญ่ขนาดจะใหญ่มาก แถมพับไม่ได้ ได้แค่ยกขึ้นมา น้ำหนักก็มากย้ายลำบาก ด้วยเหตุนี้ก็เลยลองหาลู่วิ่งขนาดเล็กที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก สุดท้ายมาจบที่ Xiaomi KingSmith K12 (Xiaomi อีกแล้ว 555)
ที่ตัดสินใจเลือกตัวนี้มีเหตุผล 4 อย่าง คือ
1) น้ำหนักเบามากแค่ 33 kg (คือมันก็หนักนะ แต่ถ้าเทียบกับลู่วิ่งทั่วๆ ไปส่วนใหญ่จะ 60-80+ kg ทั้งนั้น)
2) พับได้จริงๆ คือพับแล้วแบนราบไปเลย ไม่ใช่แค่ยกขึ้นมาเฉยๆ แถมมีล้อเลื่อนให้ลากไปเก็บได้
3) ถึงจะขนาดเล็ก แต่มีหน้าสายพานกว้างถึว 48cm เวลาวิ่งไม่ต้องกลัวตกสายพาน
4) (สำคัญมาก 555) ราคาถูก ซื้อมาตอนลดราคาอยู่ที่ 92xx บาท (รวมโปรบัตรเครดิต)
หลังจากสั่งไป ได้ของมาส่ง หน้าตาของกล่องก็จะประมาณนี้ ภาษาจีนล้วนๆ
เทียบกับ iPhone ให้เห็นขนาดของกล่องว่าใหญ่แค่ไหน บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่มีคำว่า Xiaomi อยู่บนกล่องเลย สาเหตุก็คือ Xiaomi ร่วมมือกับ KingSmith ในการออกแบบและผลิต ซึ่งสุดท้ายแล้วตกลงให้ใช้แบรนด์ KingSmith อยู่บนกล่องเป็นหลัก
ข้างในมีโฟมกันกระแทกแบบนี้
ข้างในจะมีกล่องเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้
นี่คือข้างที่อยู่ข้างในทั้งหมด จะมีซิลิโคนหล่อลื่นสายพาน สายรัดตัวเพื่อหยุดเครื่องเวลาหกล้ม ปลั๊กไฟ รีโมทพร้อมถ่าน ตัวล็อกราวจับ ประแจ 8 เหลี่ยมสำหรับปรับสายพาน และคู่มือภาษาจีนล้วน -*-
และนี่คือลู่วิ่ง เทียบขนาดกับเท้า สายพานมีความกว้าง 48 cm ยาว 124 cm ถือว่ากว้างพอสมควร ไม่ต้องกลัวตกด้านข้างเลย ส่วนด้านความยาวถือว่าปานกลาง ตามมาตรฐานของลู่วิ่งไฟฟ้าจะอยู่ประมาณ 100-150cm (แต่บอกตามตรง 100 cm นี่วิ่งลำบากมาก) สำหรับผมถือว่าโอเค ไม่ได้รู้สึกว่ารำคาญอะไร
เทียบกับรองเท้า จะเห็นว่ามีระยะห่างพอเหลือ สบายๆ
เครื่องไม่ต้องประกอบอะไรเลย แค่แกะกล่องออกมา ยกราวจับขึ้นก็ใช้ได้เลย หรือถ้าใครจะไม่ยกราวจับขึ้นก็ใช้งานได้ แต่เครื่องจะล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ 6 km/h เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย (Max Speed เมื่อยกราวจับขึ้นอยู่ที่ 12 km/h ตามชื่อรุ่น K12) วัสดุและงานประกอบมีความเรียบร้อย ดูดี ตัวเครื่องจะเป็น Aluminum Alloy มีความแข็งแรงและเบากว่า body เหล็กทั่วไป (Xiaomi บอกว่าเครื่องรุ่น K12 นี้ได้รับรางวัล IF Design Award ปี 2019 ที่เยอรมันด้วย)
Xiaomi KingSmith K12 จะไม่มีจอแสดงผล หรือว่าปุ่มกดใดๆ (เข้าใจว่าเพื่อให้เครื่องมีน้ำหนักเบาและลดต้นทุนด้วย) ทุกอย่างจะควบคุมผ่านรีโมท หรือว่าแอพเท่านั้น ดังนั้นอย่าทำรีโมทหล่นพัง (แต่รีโมทจะมีสายคล้องมาให้ เป็นสายที่คุณภาพดีที่เดียว)
ด้านล่างของด้านหน้าเครื่องจะมีช่องเสียบสายไฟ และสวิตช์เปิดปิด ทั้งเครื่องมีปุ่มนี้ปุ่มเดียวจริงๆ
ข้อเสียของของจีนคือ ปลั๊กไฟจะเสียบกับบ้านเราไม่ได้ ต้องซื้อตัวแปลงมาด้วยนะ บางร้านเค้าจะแถมมาให้เลย ยังไงก่อนซื้อให้แชทถามก่อน
ตัวล็อกราวจับ ใช้เสียบเข้าไปแล้วหมุนตามเข็มนาฬิกา แต่จากที่ใช้จริง ไม่เคยล็อกเลย เพราะเวลาพับเก็บต้องมาถอดออกอีกเสียเวลา
นี่คือที่เสียบสายรัดตัว ถ้าไม่เสียบเครื่องจะไม่ทำงาน
ด้านบนของราวจับ จะมีร่องบุกันลื่นไว้ให้วาง iPad/Tablet/มือถือ หรือสุดแล้วแต่ อันนี้ชอบมาก วิ่งไปดูหนังไปสบายเลย
เมื่อเสียบปลั๊ก ไฟจะติดขึ้นมา โดยเครื่องมี 2 Mode คือ M = Manual Mode คือปรับความเร็วเองผ่าน Remote ส่วน A = Auto จะปรับความเร็วอัตโนมัติจากเซนเซอร์ที่ลู่วิ่ง คือถ้าเราวิ่งไม่ทันจะตกลู่ มันก็จะลดความเร็วให้ แต่ถ้าเราวิ่งเร็วไปอยู่ด้านหน้า มันก็จะเร่งความเร็วให้ สำหรับมอเตอร์ข้อมูลบนเว็บไซต์เค้าบอกว่าเป็นมอเตอร์ Brushless DC จากเยอรมัน ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นจริงประสิทธิภาพและความทน จะดีกว่ามอเตอร์ไก่กาบนลู่วิ่งราคาถูกๆ ทั่วๆไป แต่อย่างไรก็ตาม ดูจากกำลังไฟเข้ามันประมาณ 760W ซึ่งเท่ากับ 1 แรงม้าเท่านั้นเอง เอาเป็นว่าถ้าคุณน้ำหนักตัวเกิน 100 kg ขึ้น รุ่น K12 นี้อาจจะเล็กไปสำหรับคุณ
สำหรับการปรับสายพาน ให้ใช้ประแจ 8 เหลี่ยมที่ให้มา ไขด้านหลังเครื่อง
อันนี้คือหน้าตาของรีโมท จอแสดงผลเป็น LED ดูดีมีชาติตระกูล เนื่องจากเครื่องที่สั่งมาดันเป็น firmware จีน ดังนั้นเชื่อมต่อกับแอพภาษาอังกฤษไม่ได้ อ่านภาษาจีนไม่ออก ก็เลยช่างหัวมัน ยังไงตอนซื้อให้ถามร้านก่อนว่าต่อแอพอังกฤษได้ไหม
สำหรับการใช้งาน ถือว่าโอเค ลองวิ่ง 1 ชั่วโมงเต็มๆ ที่ความเร็วสูงสุด สลับกับปานกลางมา 2 อาทิตย์ เครื่องก็ทำงานได้ดี ไม่มีความร้อนสะสม ไม่มีอาการกำลังตก โดยรวมถือว่าคุ้มค่ามาก เสียอย่างเดียวความเร็วสูงสุดจะได้แค่ 12 km/h (ประมาณ pace 5) ซึ่งถ้าใครต้องการฝึกวิ่งเร็วกว่า pace 5 ละก็ เครื่องนี้ไม่ใช่สำหรับคุณนะครับ
สรุป
ข้อดี
+ ถูกมาก
+ มอเตอร์ Brushless DC คุณภาพดี
+ สายพานกว้าง วิ่งสะดวก
+ พับได้ น้ำหนักเบา มีล้อเลื่อน
+ ทำจาก Aluminum Alloy แข็งแรง
+ มีที่วาง iPad/มือถือ
ข้อเสีย
– คู่มือภาษาจีนล้วน
– ต่อแอพอังกฤษไม่ได้ (เป็นบางเครื่อง)
– หัวปลั๊กต้องมีตัวแปลง
– แรงม้าน้อยไปนิด
– ไม่มีจอ ทำให้ต้องถือรีโมทเวลาวิ่ง
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ เพิ่งซื้อเครื่องมาใหม่อยากทราบวิธีดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน
วิธีการทำความสะอาดและการหยอดซิลิโคนค่ะว่าต้องหยอดอย่างไรค่ะ รบกวนอธิบายให้เข้าใจด้วยได้ไหมคะ ?
รบกวนขอแหล่งซื้อเดียวกับเจ้าของกระทู้หน่อยนะคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
เครื่องนี้มันบำรุงรักษายังไง เช่นเปลี่ยนสายพานแกะยังไงหรือซ่อมที่ไหน แนะนำทีครับ?
เหมือนลู่วิ่งทั่วไปครับ หยอดน้ำมันทุก 3 เดือน ใต้สายพาน เสียต้องซ่อมเองครับ เป็นของจีน สามารถสั่งสายพานมาเปลี่ยนเองได้ ระบบมันไม่ค่อยซับซ้อนไม่ค่อยเสียหรอกครับ ยกเว้นดวงไม่ดีได้ของตก QC