วันก่อนย้ายไฟล์งานจากเครื่องนึงไปอีกอีกเครื่องนึงผ่าน Flash Drive แต่รู้สึกว่ามันช้าเหลือเกินแถมความจุก็น้อย เลยตัดสินใจมองหา External SSD เร็วๆ มาใช้สักตัว ไปเจอเจ้า ADATA SD600Q บน Shopee หน้าตาประหลาดไปหน่อย แต่ราคาไม่แพงดีเลยลองสอยมาใช้ดู วันนี้จะมารีวิวกันว่าเป็นยังไง
รีวิว ADATA SD600Q External SSD
หลังจากแกะกล่องออกมา จะมีอุปกรณ์ภายในกล่องดังนี้
– ตัว SSD
– สาย USB 3.0
– คู่มือและ Quick Start Guide
ADATA SD600Q มีขนาดเล็ก (75 x 75 x 15mm) และน้ำหนักเบามาก (60g) พราะเป็น SSD จึงไม่จำเป็นต้องมีส่วนที่เป็นจานเก็บข้อมูลและมอเตอร์หัวอ่านแบบ HDD ในกล่องไม่ได้มี Software อะไรแถมมาให้ รับประกัน 3 ปี
ADATA ได้ confirm ว่า ตัว SSD ใช้ชิป 3D QLC NAND ที่ผลิตโดย Intel ดังนั้นจึงค่อนข้างอุ่นใจเรื่องคุณภาพได้หน่อย ส่วนตัว Controller ใช้ของ Maxio Technology
หน้าตามันจะประหลาดๆ หน่อยเพราะเกือบทั้งหมดจะหุ้มด้วยยางกันกระแทก และกันหล่น สำหรับตัวที่ซื้อมาจะเป็นขนาดความจุ 240 GB จริงๆ แล้วมีหลายสี แต่ส่วนตัวคิดว่าสีดำดูดีที่สุด (หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ คือดูเห่ยน้อยที่สุดแล้ว 555) ถ้าจะแกะดูข้างในต้องใช้ไขควงหกเหลี่ยมในการไขเปิดออก แต่เห็นตัว Body ทึบๆ แบบนี้ มีไฟ LED สีน้ำเงินกระพริบบอกสถานะเวลาเสียบเข้าคอมด้วยนะ
จากข้อมูลที่ลองหาดู เค้าเคลมว่าทนแรงกระแทกจากการตกจากที่สูง 4 ฟุต (1.2 เมตร) แต่….ไม่กันน้ำนะ
สำหรับสายเชื่อมต่อจะเป็นหัว USB 3.0 แบบ Micro-B และปลายอีกด้านที่เสียบเข้าคอมจะเป็นแบบ USB 3.0 Type A สายจะสั้นมาก บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะมันอาจจะห้อยต่องแต่งเวลาเสียบคอม แต่ส่วนตัวผมว่าดี ไม่เกะกะเวลาเก็บ
สำหรับราคา 240 GB จะอยู่ที่ 900-1000 ต้นๆ แล้วแต่โปร ส่วนขนาด 480 GB จะอยู่ประมาณ 1700-1900 บาท ต้องขอบพระคุณเทคโนโลยี QLC (Quad-Level Cell) ที่ทำให้ได้ SSD ที่มีความจุมากๆ ในราคาไม่แรง
ประสิทธิภาพการทำงาน
โอเค หน้าตาไม่ค่อยสำคัญเท่าประสิทธิภาพ ในการทดสอบผมจะใช้โปรแกรม CrytalDiskMark ในการวัดความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล ซึ่งก็ได้จะตามนี้
การอ่านได้ประมาณ 453 MB/s และเขียนได้ 425 MB/s ถือว่ากลางๆ ไม่เร็วเท่า SSD รุ่นแพงๆ (อย่างเช่น Samsung Portable SSD T5 ซึ่งแพงกว่าหลายร้อย) แต่ก็ไม่ช้าจนเกินไป ถ้าโอนไฟล์หนัง 5 GB ก็จะใช้เวลาประมาณ 12 วินาทีเท่านั้น (แต่ต้องเสียบช่อง USB 3.0 นะ)
แต่ข้อเสียอย่างนึงที่เจอ คือเวลาโอนถ่ายไฟล์ใหญ่มากๆ (เกิน 7 GB ขึ้นไป) จะทำความเร็วไม่ได้ตามที่เคลม ยิ่งไฟล์ยิ่งใหญ่ ความเร็วจะตก ส่วนนึงคิดว่าเป็นเพราะตัว Controller และ Buffer ที่ใช้อาจจะราคาถูกเลยมีประสิทธิภาพต่ำ
สรุป
ด้วยราคาแค่เกือบ 1 พัน กันกระแทก และประสิทธิภาพที่โอเค ส่วนตัวคิดว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ถ้าจะเอาเร็วกว่านี้ต้องเพิ่มเงินอีกหลายร้อย สำหรับการใช้งานแบบบ้านๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ข้อเสียคือหน้าตาประหลาด ไม่ค่อยสวยเลย และความเร็วจะตกเวลาโอนถ่ายไฟล์ใหญ่ๆ
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ
