โอเค วันนี้จะมีรีวิวหน้ากาก LG Puricare Mask Gen 2 เป็นหน้ากากแบบมีพัดลมไฟฟ้าและไส้กรองอากาศเพื่อช่วยดูดลมเข้ามาให้หายใจสะดวก ซื้อมาใช้เองจ่ายตังเอง ไม่มีสปอนเซอร์ใดๆ ครับ ที่ต้องลงทุนเพราะรู้สึกว่าเวลาใส่หน้ากากมันมีช่องให้ลมรั่วได้ โดยเฉพาะเวลาขยับตัว ขนาดใส่ 2 ชั้นแล้วก็ตาม และเท่าที่ลอง research ดูพบว่า เจ้าหน้ากาก LG ตัวนี้ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการรั่วไหลของอากาศ นอกจากนี้ยังมีไส้กรองอากาศ HEPA และไส้กรองด้านในอีก 1 ชั้นด้วย วันนี้ผมจะมาลองแกะกล่องรีวิวดูกันจากการใช้งานจริง

ข้อแตกต่างระหว่าง Gen 1 และ Gen 2

ตัวที่ผมซื้อนี้จะเป็นหน้ากาก Gen 2 ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Gen 1 ซึ่งสิ่งที่ต่างกันคือ

  • Design ใหม่ ที่เล็กลง และเบาขึ้น ดูน่ากลัวน้อยลง โดยมีน้ำหนักที่ลดลงประมาณ 10%
  • เพิ่มความจุแบตเตอรี่ ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น
  • เพิ่มระบบไมค์ และลำโพง ทำให้เวลาพูดแล้ว คนฟังได้ยินเสียงชัดขึ้น
  • เปลี่ยนระบบไส้กรองด้านใน และแผ่น silicone ครอบใบหน้าให้ถอดเข้าออกได้ง่ายขึ้นโดยใช้ระบบแม่เหล็ก
  • ย้ายระบบดูดอากาศเข้า จากด้านหน้า มาเป็นข้างแก้ม
  • เปลี่ยนระบบปรับความแรงพัดลมแบบ Manual มาเป็น Auto โดยใช้เซนเซอร์ตรวจจับการหายใจ
  • เพิ่มระบบ Bluetooth เชื่อมกับ App (แต่ตอนนี้ยังไม่มี App 555)

นับว่าได้รับการอัพเกรดขึ้นในหลายๆ เรื่องเลยทีเดียว

แกะกล่อง LG Puricare Mask Gen 2

นี่คือหน้าตาของกล่องบรรจุ ส่วนกล่องขวาคือไส้กรองด้านในที่ทางร้านแถมมาเพิ่มอีก 30 ชิ้น

แกะกล่อง lg puricare mask gen 2

เป็นกล่องแบบ Eco-friendly ที่ไม่ใช้กาวเลย เพื่อการนำกระดาษไป recycle ต่อ แต่เอาจริงๆ ผมว่ามันไม่ค่อยดี ตรงทีพอเปิดฝากล่องแล้วมันปิดกลับไปไม่ได้ ไม่มีตัวยึด

เมื่อเปิดออกจะเจอหน้ากากห่อในถุงผ้าไว้

เปิดกล่องรีวิว lg puricare mask gen 2

เมื่อยกหน้ากากออก ด้านล่างจะเป็นคู่มือ ใบรับประกัน และไส้กรองต่างๆ รวมถึงถุงผ้าสำหรับพกพา สายคาดหัว และสายชาร์จ

นี่คือสิ่งที่อยู่ในกล่องทั้งหมดครับ

การใช้งาน

ด้านล่างของตัวหน้ากาก จะเป็นช่องเสียบ USB-C เพื่อชาร์จ ปุ่มกดเพื่อเปิด-ปิด และควบคุมลำโพง (ปุ่มเดียวกัน) ไฟแสดงสถานะ Bluetooth และช่องสำหรับระบายหายใจออก

lg puricare gen 2 bluetooth

ด้านซ้ายและขวาของหน้ากากจะเป็นช่องสำหรับใส่ไส้กรอง HEPA Class 13 ซึ่งสามารถกรองได้ 99.95% (หน้ากากใช้ไส้กรอง HEPA 2 ชิ้น เปลี่ยนทุก 1 เดือน)

วิธีใส่ไส้กรองก็แค่เปิดฝา และใส่เข้าไปตรงๆ

ไส้กรอง lg puricare mask gen 2

นอกจากนี้หน้ากาก LG Puricare Gen 2 ยังมีไส้กรองชั้นใน (Inner Filter) ซึ่งจะคอยดักจับละอองต่างๆ อีกชั้นนึงตอนที่เราหายใจเข้า แถมยังเป็นการกันการแพร่เชื้อ เมื่อเราหายใจออกด้วย ส่วนนี้ LG แนะนำให้เปลี่ยนทุกการใช้งาน 8 ชม หรือ 1 วันครับ

ไส้กรองด้านใน lg puricare gen 2

หลังจากติดตั้ง inner filter แล้ว ก็จะวางแผ่น silicone ประกบหน้าหรือ Face cover (LG เคลมว่าเป็นเกรดที่ใช้ในทางการแพทย์) ซึ่งจะเป็นระบบแม่เหล็ก วางให้ตรงล็อคแล้วมันจะดูดติดเข้าไปเอง

หลังจากการชาร์จ 2 ชั่วโมง หน้ากากก็ชาร์จเต็ม เมื่อลองใส่แล้วจะรู้สึกหน้ากากมันห้อยๆ ไปข้างหน้านิดๆ เพราะมันหนักกว่าหน้ากากอนามัย แต่พอลองตรวจสอบแล้ว แผ่น face cover นั้นประกบกับใบหน้าได้สนิทดีมาก ไม่มีรูรั่วเลย

การปรับสายให้พอดี เมื่อใช้จนชินแล้ว ก็สามารถทำได้ง่าย แค่ดึงสายรัดด้านข้างเท่านั้น ถ้ารู้สึกว่ามันรัดหู จะใช้สายคาดหัวที่ให้มาในกล่องก็ช่วยได้มาก

lg puricare gen 2 อากาศรั่ว

เมื่อลองหายใจ จะได้ยินเสียงพัดลมทั้ง 2 ตัวทำงานดูดอากาศเข้าตามจังหวะที่เราหายใจ (หยุดเมื่อหายใจออก) ก็รู้สึกว่าหายใจโล่งดีในระดับนึง ยังอึดอัดเล็กน้อยตอนหายใจออก แต่สบายกว่าหน้ากาก N95 หรือ KF94 มากๆ

ด้านหน้าจะเห็นว่า มีช่องสำหรับลำโพง ซึ่งจะขยายเสียงของเราเมื่อพูดออกไป ถามว่าดีไหม พอใช้จริงๆ มันจะมีอาการ delay นิดๆ เสียงจากลำโพงจะเริ่มดังเมื่อเราพูดไปแล้วสัก 0.5 วินาที ดังนั้นเสียงของคำแรกๆ จะหายไป และเสียงของลำโพงก็ยังเบาไปนิด ถ้าพูดในบริเวณที่เสียงดังๆ ก็คงช่วยได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น

lg puricare gen 2 ไมค์ ลำโพงดังไหม

หลังจากลองใช้ไปนานๆ 1 ชั่วโมงก็รู้สึกว่า โอเค ไม่หน้ามืดหรือเหนื่อย ยังรู้สึกสบายๆ ตรงนีเถือว่าสอบผ่าน แต่มีบางคนบอกว่า gen 1 ทำได้ดีกว่าในเรื่องของความสบาย เพราะ gen 1 สามารถปรับรอบพัดลมให้แรงสุดได้เอง (ไม่มี sensor) อันนี้ผมยังไม่ได้ลองของ gen 1 เลยยังบอกไม่ได้ครับ

สรุป

คะแนนรวม

โดยรวมถือว่าหายใจสะดวก และไม่มีลมรั่วเข้า แนบกับใบหน้าได้ดี แต่เสียงลำโพงเบาไปนิด และการหายใจยังมีอึดอัดบ้างนิดๆ โดยเฉพาะเวลาหายใจออก ถ้ามีปุ่มให้ปรับรอบพัดลมได้เอง ไม่ต้องใช้ sensor น่าจะดีกว่า ตัวหน้ากากมีน้ำหนักเบา ไม่หนักหู ยิ่งถ้าใช้สายคาดหัวยิ่งช่วยได้มาก ส่วน Bluetooth feature นั้นไม่รู้จะมีมาทำไม เพราะตัว App ยังไม่มีมาให้โหลด และโหลดแล้วจะทำอะไรได้บ้าง ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี

ทั้งหมดถ้าเทียบกับราคา 6490 บาท ก็ยังถือว่าแพงอยู่เหมือนกันครับ และถ้านับค่าใช้จ่ายเรื่องไส้กรองที่ต้องคอยเปลี่ยนทุกเดือน ยิ่งแพงเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา ผมว่า LG Puricare Gen 2 ก็เป็นทางเลือกที่ดีของอุปกรณ์ป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อเลยครับ

อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ