ถ้าคุณต้องการจะต่อไมค์เข้าคอม สิ่งที่คุณต้องมองหาก็คือ USB Audio Interface ดีๆ สักตัว (เว้นแต่คุณจะซื้อไมค์แบบเสียบ USB) วันนี้ผมจะมารีวิว Audio Interface ที่นักร้อง นักดนตรี ทั่วโลกนิยมใช้กันเวลาอัดคลิป ตัวเครื่องขนาดจิ๋วแต่สเปคไม่จิ๋วเลยก็คือ Focusrite Scarlett Solo
Disclaimer: บทความนี้ไม่ได้ค่าโมษณา ซื้อมาใช้เองรีวิวเอง!
ทำไมเลือกตัวนี้
ปกติผมเล่นกีต้าร์และชอบอัดเสียงไว้เล่นๆ บางครั้งมีการอัดเสียงในคลิปที่เกี่ยวกับงานบ้าง จึงได้มองหา preamps สักตัวเพื่อจ่ายไฟเข้ากับ Microphone Condenser ที่มีอยู่ จริงๆ ก็สามารถซื้อไมค์รุ่นที่เสียบ USB ได้โดยตรง เพียงแต่การมี USB Interface แบบที่มี preamp ในตัว เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างอื่นได้มากกว่า เช่นต่อกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ หรือต่อกับ Mixer เป็นต้น
Focusrite เป็นแบรนด์อุปกรณ์ดนตรีชื่อดังจากอังกฤษ ตั้งขึ้นเมื่อปี 1985 (ประมาณ 35 ปี) โดย Product ส่วนใหญ่เน้นไปที่การทำ Audio Interface โดยเฉพาะ แทบไม่ทำอย่างอื่นเลย มีแค่ไมค์กับหูฟังนิดหน่อย แต่ก็ขายพร้อมกับ Audio Interface อยู่ดีไม่ยอมขายแยก
Focusrite นั่นมีชื่อเสียงที่ดีและถูกยกให้เป็นตัวเลือกแรกๆ เวลานึกถึง Audio Interface โดยเจ้าตัว Scarlett Solo นั้นเป็นรุ่นเล็กที่สุดในตระกูล ช่องเสียบอุปกรณ์จะน้อยหน่อย ราคาจะอยู่ประมาณ 4000-4500 บาท แต่สำหรับการใช้งานเพียงคนเดียว เท่านี้ก็ตอบโจทย์แล้ว
หน้าตาและการใช้งาน
ด้านหน้าของตัวเครื่อง ปุ่มถูกออกแบบมาสวยงาม น่าใช้งาน มีช่องเสียบไมค์แค่ช่องเดียว ส่วนอีกช่องจะเป็น Input ธรรมดาสำหรับเสียบสายจากกีต้าร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ
ด้านหลังจะมีช่อง output แบบแยก channel ด้วยหัวแบบ RCA มีช่องสำหรับ Kensington Lock กันเครื่องหาย และช่องเสียบ USB Type B
ด้านบนมี logo ของ Focusrite สีขาว (ถ้าเครื่องที่ขายต่างประเทศจะเป็นสีดำ)
ปุ่มปรับเสียง Monitor คือเอาไว้ปรับเสียงที่ออกทางช่องหูฟัง ส่วนปุ่ม Direct Monitor คือเป็นการปรับ Latency ให้ลดลง ทำให้เสียงที่ออกมายังหูฟัง กับเสียงที่ออกไปเข้าคอมนั้น sync กัน แต่เนื่องจากผมใช้ Mixer ต่อพ่วงด้วย เลยไม่ค่อยได้ใช้
อีกฝั่งจะเป็นช่องเสียบไมค์แบบ XLR เวลาจะใช้ให้กดปุ่ม 48V ข้างล่างเพื่อจ่ายไฟ Phantom Power ส่วนอีกช่องจะเป็นช่อง Input สำหรับเสียบสัญญาณเข้า ทั้งสองช่องมีปุ่มหมุนปรับ gain ให้ ส่วนด้านล่างจะเป็นสวิตช์ให้เลือกว่าจะเอาสัญญาณช่องไมค์หรือช่อง Input ไปเข้าคอม
สำหรับผมได้เอา Scarlett Solo มาใช้กับไมค์ Samson C01 ซึ่งเป็น Condenser Mic
เมื่อกดปุ่ม 48V ไฟจะติดขึ้นเป็นสีแดงแบบนี้
ที่รอบปุ่ม gain ผมชอบมาก จะมีการบอกสัญญาณเข้าแบบ Holo คือกระพริบตามความดัง
และไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดงถ้าสัญญาณเสียงดังเกินไปจนเกิดอาการ Clipping เพื่อเตือนให้เราเบาเสียง
อย่างไรก็ตามเมื่อผมได้ลองใช้จริงจังแล้วพบว่า เสียงเบาไปหน่อย เพราะ Scarlett Solo ใช้ไฟจากช่อง USB เพื่อมาเลี้ยงไมค์ อาจจะทำให้กำลังน้อย แต่คุณภาพสัญญาณเสียงที่ได้มีความชัด และ Noise ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับ USB Audio Interface อื่นๆ ที่ผมเคยลองใช้มา แม้ว่าจะหมุนปุ่ม gain ไป 60-70% แล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากผมมี Mixer อยู่ที่บ้านอยู่แล้ว (Behringer Xenyx 502) เลยต่อไมค์เข้ากับ Mixer จากนั้นค่อยเอาสัญญาณไปเข้าช่อง Instrument ของ Scarlett Solo เพื่อเข้าคอม วิธีนี้ทำให้ผมสามารถปรับแต่งเสียง หรือ Mix กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้สะดวก และใช้ Scarlett Solo เป็นตัวแปลงสัญญาณ Analog เป็น Digital เข้าคอม
สรุป
Focusrite Solo มีข้อดีที่โดดเด่นคือ ออกแบบมาน่าใช้งาน ดูทนทาน คุณภาพสัญญาณเสียงดีมาก Noise แทบไม่มี สามารถต่อ Input เข้าได้ และมี Feature Direct Monitor ด้วย ส่วนข้อเสียก็คือ เสียงเบาไปนิด ต้องไปปรับใน Software เอา และด้วยราคาประมาณ 4500 บาท อาจจะแพงไปสักนิดสำหรับผู้เริ่มต้น
Note: รุ่นที่ผมรีวิวเป็น 2nd Gen ในปัจจุบันจะมี 3rd Gen ซึ่งราคาแพงขึ้นประมาณ 500 บาท แต่จะมีปุ่มเพิ่มขึ้นมา 1 ปุ่มคือ Air Mode ที่กดแล้วทำให้ Boost เสียงย่านความถี่กลางๆ เช่นเสียงพูด เสียงร้องเพลงให้ชัดขึ้น
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ
