วันนี้ผมจะมาสอนวิธีการเปลี่ยนผ้าเบรคด้วยตัวเองกันครับ ไม่ยากอย่างที่คิด รถยนต์ที่ใช้เป็นตัวอย่างในโพสนี้คือเจ้า Mazda CX-3 ของผมเอง อะไหล่และอุปกรณ์ทั้งหมดสั่งมาทางร้าน Online ต่างๆ บน Shopee และ Lazada ร้านไหนถูกและมีรีวิวจากลูกค้าที่ดี ผมก็เลือกร้านนั้น ไม่ได้มีสปอนเซอร์ใดๆ
อุปกรณ์ที่ใช้
– ประแจทอร์ค (เอาไว้ขันล้อรถ)
– ประแจขันบล็อก (ไม่มีไม่เป็นไร ใช้ประแจเลื่อนหรือประแจปากตายก็ได้ แต่ทำงานไม่สะดวก)
– ผ้าเบรคใหม่
– จารบีสำหรับเบรคโดยเฉพาะ (สำคัญมาก)
– C-Clamp หรือตัวกดลูกสูบเบรค
– แม่แรงและขาตั้งยกรถ
– ไขควงปากแบน (เอาไว้แซะผ้าเบรคเก่าออก)
– สเปรย์ล้างเบรค (ไม่มีไม่เป็นไร)
– น้ำมันเบรคและสายยางตู้ปลา (กรณีจะเปลี่ยนน้ำมันเบรคด้วย)
วิธีการเปลี่ยนผ้าเบรค
ใช้แม่แรงยกรถขึ้น และเอาขาตั้งรองไว้ ห้ามใช้แม่แรงยกค้างไว้เพราะอันตรายมาก หากแม่แรงล้มหรือเสียระหว่างที่เราทำงาน รถจะตกใส่เราได้ มีช่างหลายคนเสียชีวิตหรือพิการมาแล้วจากการไม่ใช้ขาตั้ง จากนั้นถอดล้อโดยใช้ประแจทอร์คขันน็อตดุมล้ออกมา
หลังจากถอดล้อออกมาแล้วก็จะเห็นจานเบรค (สังเกตว่าผมใช้แผ่นรองที่ฐานขาตั้งรถเพราะกลัวกระเบื้องจะแตกจากน้ำหนักที่กดลงไป และช่วยกันลื่นด้วย)
เปิดฝากระปุกน้ำมันเบรค เพื่อเตรียมระบายแรงดันสำหรับขั้นตอนต่อไป
ใช้บล็อกหรือประแจเบอร์ 12 ในการถอดหมุดยึดคาลิปเปอร์เบรคตัวล่างออก (หมุนทวนเข็ม)
(ถ้าหมุนแล้วเกิดอาการหมุนฟรี ให้ใช้ประแจปากตายช่วยจับน็อตตัวในไว้)
เมื่อหมุนเกลียวออกแล้วให้ใช้มือดึงออกมาได้เลย (ถ้าไม่ออก แสดงว่าจารบีแข็งแล้ว เอาคีมดึงได้) ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดจารบีของเก่าออก
เมื่อถอดหมุดยึดออก เราจะสามารถยกเปิดฝาคาลิปเปอร์ออก และเอาผ้าเบรคเก่าออกมาได้
ใช้ไขควงปากแบนแซะออกมาได้เลย และนี่คือสภาพผ้าเบรคเก่าของศูนย์ (ของแท้มาสด้า) ใช้มาแล้ว 50000 km แต่ก็ยังเหลืออีกพอสมควร เป็นเพราะผมขับรถไม่ได้เร็วมาก
จากนั้นใช้สเปรย์ล้างเบรคฉีดทำความสะอาดให้ทั่วจานเบรค ล้างพวกคราบสนิม คราบสกปรกต่างๆ ออกให้หมด
จากนั้นเอาจารบีเฉพาะสำหรับทาเบรค ทาที่ด้านหลังของผ้าเบรคใหม่ และส่วนที่ผ้าเบรคสัมผัสกับคาลิปเปอร์ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เวลาเบรคจะมีเสียง และที่สำคัญ ห้ามใช้จารบีธรรมดามาทาเด็ดขาด! เพราะระบบเบรคนั้นมีความร้อนสูง จารบีธรรมดาจะแข็งตัวทันที
หลังจากทาจารบีเสร็จแล้ว ก็นำผ้าเบรคใหม่ใส่เข้าไปแทนของเก่า จากนั้นใช้ C-Clamp กดลูกสูบเบรคเข้าไป (ขอโทษที่ไมได้ถ่ายรูปมาเพราะมือเลอะจารบี ไม่กล้าจับกล้อง) จากนั้นปิดคาลิปเปอร์ลง และนำจารบีมาทาหมุดยึดก่อนที่จะเสียบกลับเข้าไป ใช้บล็อกขันให้แน่น
เสร็จแล้วสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรคหนึ่งล้อ ถ้าใครไม่ต้องการเปลี่ยนน้ำมันเบรคก็ใส่ล้อกลับคืนได้เลย แต่ถ้าจะเปลี่ยนน้ำมันเบรคด้วยให้ดูต่อไป
วิธีเปลี่ยนน้ำมันเบรค
การเปลี่ยนน้ำมันเบรคไม่ง่ายเหมือนน้ำมันเครื่อง เพราะน้ำมันเบรคจะมีส่วนที่ค้างอยู่ในท่อจำนวนมากและไม่สามารถขันน็อตให้ไหลออกมาแบบน้ำมันเครื่องได้ จึงต้องใช้วิธีไล่นำ้มันเบรคของเก่าออกหรือที่เรียกว่า Bleeding Brake วิธีการอาจจะยุ่งสักหน่อยถ้าต้องทำคนเดียว แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถครับ
ตรงด้านหลังคาลิปเปอร์จะมีจุ๊บถ่ายน้ำมันเบรคอยู่ ให้ใช้มือดึงจุกยางออกมาได้เลย
จากนั้นเอาสายยางตู้ปลาเสียบแบบนี้ เอาปลายอีกหาใส่ลงขวดที่เราไว้ใช้เก็บน้ำมันเบรคเก่า
ใช้ประแจขันทวนเข็มนาฬิกาครึ่งรอบ จังหวะนี้จะมีน้ำมันเบรคไหลออกมานิดหน่อย
ให้เราไปเหยียบเบรคที่คนขับ สัก 3 ที แล้วเดินมาดูที่กระปุกน้ำมันเบรค จะเห็นว่าระดับน้ำมันเบรคลดลง (เพราะมันไหลออกไปลงขวดที่เราเตรียมไว้) จากนั้นเติมน้ำมันเบรคใหม่เพิ่มลงไปแล้วกลับไปเหยียบเบรคอีก แล้วก็เติมของใหม่ลงไป ทำแบบนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ จนสังเกตว่าน้ำมันเบรคที่ไหลออกมาในสายยางเปลี่ยนสีเป็นของใหม่แล้ว (ของเก่าสีจะคล้ำๆ ของใหม่สีจะใสกว่า) เมื่อได้ที่แล้ว ก็ถอดสายยางออก ขันจุ๊บถ่ายตามเข็มนาฬิกา และปิดจุกยางเป็นอันเสร็จหนึ่งล้อ ทำแบบนี้ให้ครบ 4 ล้อ ก็จะเสร็จกระบวนการ ข้อควรระวังมีอย่างเดียวคือ อย่าเหยียบเบรคเกิน 4-5 ครั้ง ไม่งั้นน้ำมันเบรคจะไหลออกจากกระปุกจนหมดและดูดอากาศเข้าไปในระบบแทน ต้องคอยเติมน้ำมันเบรคอย่าให้ขาด
จากนั้นใส่ล้อกลับเข้าไปโดยใช้ประแจทอร์คขันให้ได้ตามสเปคที่คู่มือกำหนด เช่นของผม รถ Mazda CX-3 ใช้ทอร์คที่ประมาณ 110-130 N.m
สรุป
เปลี่ยนผ้าเบรคและน้ำมันเบรคเองไม่ได้ยาก เพียงแต่ทำคนเดียวอาจจะหงุดหงิดสักหน่อยตอนที่ต้องเดินไปเดินมา รวมไปถึงการใช้แม่แรงยกก็ย่อมไม่สะดวกเหมือนใช้ฮ้อยยกเหมือนในศูนย์บริการ แต่การลงมือเองจะทำให้คุณเข้าในระบบเบรคมากขึ้น นอกจากนี้ บางศูนย์ชอบมักง่าย ไม่ทำความสะอาดหมุดยึดคาลิปเปอร์และไม่ทาจารบีใหม่ให้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต เช่น ผ้าเบรคสึกไม่เท่ากัน เบรคแล้วมีเสียงดัง เป็นต้น
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ
