bike-pump-car-tire-2

เคยไหมครับ ขับรถแล้วนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เติมลมยางนานแล้ว พอเลี้ยวเข้าปั๊มไปจะเติมลม เจอคิวยาวมากกว่าจะได้เติม พอไปซื้อเครื่องสูบลมแบบไฟฟ้า ส่วนใหญ่ก็ดันใช้กับปลั๊กไฟที่บ้านไม่ได้ต้องเสียบกับที่เขี่ยบุหรี่ ซึ่งต้องไปสตาร์ทรถแล้วเวลาสูบลมต้องดมควันท่อไอเสียอีก (แถมสายไฟก็เกะกะ)

จนวันนึงผมเห็นคนเห็นสูบลมจักรยานเสือภูเขา เค้าใช้ความดันตั้ง 100-110 psi ถึงกับตกใจ เพราะว่ารถยนต์บ้านๆที่เราเติมกันก็ประมาณ 30-40 psi เท่านั้น เลยลองไปหาข้อมูลก็พบว่า ที่จักรยานต้องใช้ความดันลมยางสูงๆ เพราะยางเส้นเล็ก ปริมาณลมมีน้อยแต่ต้องแบกรับน้ำหนักมาก ในขณะที่รถยนต์ยางเส้นใหญ่ จึงใช้ความดันต่ำกว่า

เห็นดังนี้เลยคิดได้ว่าที่สูบลมจักรยานก็ต้องสามารถสูบลมยางรถได้แน่ๆ เลยจัดมา 1 อัน ผลคือ

สูบได้จริงแต่…. เหนื่อย!

จากที่ลอง สูบลมยางขอบ 18 นิ้วให้ขึ้นมา 1 psi ต้องสูบประมาณ 10 ครั้ง ดังนั้นถ้าลมยางอ่อนต้องสูบประมาณ 30-40 ครั้ง “ต่อล้อ”

รวม 4 ล้อก็สูบประมาณ 100 กว่าครั้ง (ถ้ายางรถใหญ่ก็ต้องเพิ่มไปอีก อาจจะถึง 200 ครั้ง)

ส่วนถ้ายางแบนละก็… กล้ามแขนขึ้นแน่นอน!

bike-pump-car-tire-2

แต่อย่างไรก็ตามมันสะดวกกว่าไปเติมที่ปั๊มพอสมควร และสำหรับคนรักรถที่ล้างรถบ่อยๆ ค่อยเช็คลมยางเสมอๆ ก็สูบแค่อาทิตย์ละ 20-30 ครั้ง สบายๆ

เอาเป็นว่าตั้งแต่ซื้อเจ้าตัวนี้มา ผมก็ไม่เคยแวะไปเติมลมที่ปั๊มอีกเลย

ส่วนถ้าใครจะซื้อมาสูบบ้าง แนะนำให้ซื้อแบบที่มีเกจวัดติดอยู่ที่ตัวสูบเลย (นี่ไม่ได้ค่าโฆษณานะ) จะได้ไม่ต้องค่อยวัดไปสูบไป

bike-pump-car-tire-1

อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ