ช่วงหลังๆ มาคุณภาพอากาศในกรุงเทพถือว่าแย่มาก ถ้าใครสังเกตในตอนเช้า จะเห็นเหมือนหมอกลง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ คือฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ถ้าลองไปเช็คดูค่าดัชนีคุณภาพอากาศจาก aqicn.org จะพบว่า ค่าอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน เช่นอย่างตอนที่เขียน blog นี้ก็ 154
จากที่ไปหาข้อมูลมา พบว่า pm 2.5 ทำให้เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งสูงขึ้น ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอ และอื่นๆ อีกมากมาย
นั่นคือในทางทฤษฏี แต่ที่แน่ๆ เช้าไหนผมตื่นขึ้นมาแล้วคัดจมูก ปวดหัว รู้สึกหายใจลำบาก พอไปเช็คค่า AQI Index อยู่ในสีแดงเสมอทุกที
ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!
โชคดีที่บ้านมีเครื่องกรองอากาศ (ที่เดิมไม่ค่อยได้ใช้) อยู่แล้วจึงเอากลับมาใช้อย่างจริงจัง
ก็ใช้วิธีปิดประตู หน้าต่างให้หมด เหลือแง้มไว้บานนึง แล้วเปิดเครื่องกรองอากาศ
ได้ผล! รู้สึกหายใจโล่งอย่างเห็นได้ชัด
แสดงว่าเครื่องกรองอากาศช่วยได้จริงๆ แต่ก็เกิดสงสัยว่า มันช่วยได้มากแค่ไหนละ?
ลองไป Google ดูเลยเจอว่า มีเครื่องวัดแบบพกพายี่ห้อนึงขายอยู่ (ยี่ห้อจีนขึ้นต้นด้วยด้วยตัว X) ราคาไม่แพงเท่าไหร (ประมาณ 800 บาท) เลยลองซื้อมาดู
พอได้เครื่องมา เลยประเดิมวัดเลย ผลคือ…
วัดได้ 93 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ไฟเครื่องโชว์เป็นสีส้มเลย
ถ้าเอาค่านี้ไปเทียบกับตาราง US AQI index ก็จะอยู่ในช่วง 151-200 ซึ่งตรงกับที่ในเว็บรายงานเลย
ขั้นตอนต่อไป เอามาวัดลมที่ออกมาจากเครื่องกรอง ได้ 6 ไมโครกรัม/ลบม แสดงว่าเครื่องกรองจัดการ pm 2.5 ได้จริง
หลังจากเปิดเครื่องกรองได้สัก 20 นาที ลองวัด pm 2.5 ในห้องอีกครั้ง ได้ 32 ไมโครกรัม/ลบม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี
สรุปคือ เครื่องวัดนี้ใช้งานได้จริง ในเรื่องความแม่นยำคงสู้เครื่องแพงๆ เป็นแสนๆ ไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันสามารถบอกค่า pm 2.5 ได้ตรงกับค่าในเว็บที่ได้มาตรฐานก็ถือว่าสอบผ่าน
ว่าจริงการใช้งานแบบบ้านๆ ก็คงไม่จำเป็นจะต้องแม่นยำอะไรมาก เอาแค่ให้รู้ว่า เวลานี้เราควรเข้าบ้านเปิดเครื่องกรองได้แล้ว หรือยังสูดอากาศสดชื่นข้างนอกได้อยู่
ใครสนใจก็ลองไป search หาดูเองได้เลย ตามเว็บขายของชั้นนำทั่วไป
แอบบ่น: คือกดซื้อปั๊บ วันต่อมามันลดราคาอีก 10% เลย น้ำตาจะไหล -*-
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ