ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบกระเบื้องแกรนิตโต้ ข้อแรกเลยคือมันเย็นมาก เดินแล้วเย็นเท้า นอกจากนี้เวลามีเศษผมหรือฝุ่นจะเห็นชัดมาก ส่วนพื้นกระเบื้องก็กระเทาะง่าย ทำของหล่นใส่ก็แตกได้ และก็ยังเย็นเท้า เดิมที่บ้านนั้นปูพรม แต่ตอนหลังมีปัญหาเรื่องไรฝุ่นและภูมิแพ้ทำให้เปลี่ยนมาใช้พื้นดูราฟลอร์ ซึ่งตอนนี้เก่ามากแล้วถึงเวลาจะทำใหม่ จึงได้หันมาสนใจพื้นไวนิลมากๆ
ด้วยโจทย์คืออยากได้พื้นที่ให้ความอบอุ่น ตอนแรกลังเลระหว่างพื้นลามิเนตกับไวนิล แต่เนื่องจากลามิเนตมีโอกาสบวมได้หากใช้ไปนานๆ และยังมีปัญหาเรื่องปลวกอีก จึงตัดสินใจลองพื้นไวนิลลายไม้ดู ซึ่งจากที่ไปลองเดินดูที่บุญถาวร ก็ตัดสินใจเลือกลายนี้มา มันลดราคาอยู่พอดีด้วย แต่ถึงกระนั้น ก็ยังแพงอยู่ดีตก ตรม ละ 1300-1500 บาท -*-
สิ่งสำคัญที่สุดก่อนการปูพื้นไวนิลคือจะต้องทำพื้นให้เรียบ ซึ่งพื้นเดิมของผม โชคร้ายที่มันไม่เรียบเลย จึงต้องซื้อปูนปรับระดับมาเท (self leveling mortar) ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่าราคาค่อนข้างแพงและต้องใช้ทักษะช่างสักหน่อย อย่างไรก็ตามถ้าพื้นบ้านคุณเรียบอยู่แล้วก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย (พอดีตอนเทปูนมันเลอะเทอะไปหมดเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้) บางบ้านที่เห็น ปูทับแกรนิตโต้ไปเลยก็มี อันนี้ก็ง่ายหน่อย
อันนี้คือหน้าตาของพื้นไวนิล ซึ่งจะมีความหนาพอสมควร ยิ่งรุ่นที่มีราคาสูงจะมีความหนามากทำให้ทนทาน ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกซื้อรุ่นที่มีความหนา 5mm ขึ้นไป (เคยเห็นหนาสุดคือ 7mm) ยิ่งถ้าพื้นบ้านคุณไม่ค่อยเรียบแล้วเลือกรุ่นบางๆ มาปูนี่หายนะเลย
ที่ซื้อมาคือยี่ห้อ Allure ในกล่องก็จะมีคู่มือการปูมาให้
รุ่นนี้เป็นรุ่นคลิ๊กล็อค จะเห็นว่าบริเวณขอบจะมีเขี้ยว/สลัก/แง่ง หรือแล้วแต่จะเรียก เอาไว้ยึดกับอีกแผ่นหนึ่ง ดังนั้นเวลาปูต้องหันด้านให้ถูกด้วย (มันจะมีพื้นไวนิลแบบทากาว รุ่นพวกนี้ไม่แนะนำ เพราะมักจะทำบาง คุณภาพจะต่ำกว่า) การตัดก็ทำได้ง่ายกว่าที่คิด ใช้คัดเตอร์คมๆ กรีดที่ผิวหน้าแล้วหักเอา แผ่นในภาพนี้ก็ตัดเอา
เวลาปู ให้ปูจากมุมห้องแล้วค่อยๆ ไล่ออกมา ตามรูปในคู่มือ
สิ่งที่ต้องระวังในการปูคือ ต้องขยับให้แน่ใจว่าแผ่นพื้นล็อคกันสนิทพอดี ไม่งั้นมันจะเห็นรอยต่อ แถมเดินแล้วสะดุดขา และนี่คือห้องหลังปูเสร็จแล้ว (เวลาปูเสร็จ เดินตอนแรกอาจจะมีเสียงนิดหน่อย ต้องรอสัก 1-2 วันให้พื้น set ตัวหลังปูแล้วมันจะแน่นขึ้น) เวลาเดินก็ให้สัมผัสที่ค่อนข้างโอเค เกือบจะเหมือนไม้ แต่ก็ไม่เหมือน แต่ก็ไม่ได้แย่ หากคนชอบพื้นไม้ยังไงก็สู้ลามิเนตไม่ได้แน่นอน (แน่ละ ลามิเนตมันคือไม้จริงๆ นี่หว่า)
ตรงมุม ผม DIY เอา Acrylic โป๊วที่เป็นครีมๆ มายาแนว ทำให้ดูเรียบร้อยสวยงาม แต่ถ้าบ้านใครจะติดบัวที่กำแพงก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
ข้อดีของพื้นที่ราคาสูงหน่อยคือ รอยต่อมองแทบไม่เห็น คือมันเนียนมาก เอามือลูบไม่รู้สึกเลย (เค้าเคลมว่าถ้าปูถูกต้อง น้ำจะซึมเข้าไปไม่ได้เลย)
สรุป
ถือว่าพอใจมาก ตอนนี้ใช้มาครบปีแล้ว ยังสภาพเหมือนใหม่ เช็ดนิดเดียวคราบสกปรกออกทันที ทนรอยขีดข่วนพอสมควร ผิวสัมผัสใกล้เคียงไม้ (ผมให้ 60% ในความเหมือน) ปลวกไม่ขึ้น กันน้ำ ติดนิดนึงคือมันแพงอยู่เหมือนกัน 555+
ข้อดี
+ ทน (ถ้าซื้อรุ่นดีๆ)
+ ปลวกไม่กิน
+ เดินไม่เย็นขา
+ สวย (จริงๆ ลามิเนตก็สวย 555)
+ รอยต่อระหว่างแผ่นเนียนมากกก
+ ปูง่าย เลาะออกได้ง่าย เพราะไม่ใช้กาว
ข้อเสีย
– แพง (แต่ยังถูกกว่าลามิเนตเกรด A)
– ต้องปรับพื้นให้เรียบจริงๆ ก่อนปู
– ยังไงเดินแล้วก็ไม่เหมือนไม้จริง
– ถ้าซื้อรุ่นถูกอาจมีปัญหาเรื่องรอยขีดข่วน
อย่าลืมติดตามบทความจากบล็อกนี้จากได้ทาง Facebook Page บล็อกนายช่าง และกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมมีแรงทำบล็อกนี้ต่อไปด้วยนะครับ